“กระทำความหว่อง” เป็นวลีที่ แฟนของ ผู้กำกับชาวฮ่องกง หว่อง กา ไว น่าจะเข้าใจดี เนื่องจาก วลีนี้ได้มาจาก การทำภาพยนต์อันมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว ที่เขาสามารถถ่ายทอดมุมมองของตัวละคร และ เทคนิคการเล่าเรื่องที่น้อยคนจะทำได้ โดยเนื้อหาส่วนมาก จะเกี่ยวข้องกับ ความรัก ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอน ความเหงา ความไม่สมหวัง การต้องซ่อนความรู้สึก ของตัวละคร ที่หว่อง กา ไว สามารถดึงคนดูให้มีอารมณ์ เหงา เดียวดาย เปล่าเปลี่ยว ของคนเมืองไปพร้อมๆกับนักแสดง อย่างมีศิลปะ สวยงาม โรแมนติก และ มีสเน่ห์ องค์ประกอบที่ คอหนัง หว่อง กา ไว คุ้นตากันดี เช่น ควันบุหรี แสงไฟสลัวๆ ภาพที่ไม่ชัดเจน เสียงเพลงที่ฟังแล้วจมดิ่งไปกับความเหงาที่บางครั้งอาจไม่ถึงขั้นร้องไห้ แต่จุกอยู่ในอก ไปจนถึงการกำกับการแสดงที่เน้นท่าที สีหน้า แววตา มากกว่า บทพูดที่เยิ่นเย้อ เป็นต้น วันนี้ เราเลยอยากมา แนะนำ 3 ภาพยนต์ เหงาจับใจ สไตล์ หว่อง กา ไว ที่ยังคงตราตรึงในใจของใครหลายๆ คน มาให้เลือกชมกัน
1. In the mood for love
In the Mood for Love เป็นภาพยนตร์ดราม่าโรแมนติกปี 2000 ที่ถ่ายทอดความรู้สึกโดดเดี่ยวและโหยหาในบรรยากาศของฮ่องกงในช่วงทศวรรษ 1960 ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของคนสองคน คือ คุณนายชาน ( รับบทโดย จางม่านอวี้ ) และ คุณเชา ( เหลียงเฉาเหว่ย ) ที่้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเมนต์เดียวกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่าง แต่งงานแล้วแต่กลับตกหลุมรักกันและกัน หลังจากพบว่า คู่ของตนมีท่าทีว่าคบชู้กัน ทั้งคู่เลยได้มีโอกาส ปรึกษากัน และ ใกล้ชิดกันมากขึ้นจน เกิดความผูกพันธ์ ความโหยหา ชนิด ที “หากพูดแค่คำว่า คิดถึงทุกอย่างก็อาจจะพังทลายลง” การยับยั้งชั่งใจจึงเป็นเหมือนการทำสงครามในใจของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทั้งเรื่อง ถ่ายทำโดยไม่มีสคริปต์ บทสนทนาไม่มาก แต่สามารถสื่อห้วงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน นอกจากเนื้อเรื่องที่สุดเหงาแล้ว การเล่า และ องค์ประกอบ เช่น การแต่งตัวของ จางม่านอวี้ ที่ทำให้ ชุดกี่เพ้ากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายๆอย่างก็ทำให้ ภาพยนต์เรื่องนี้ เข้าชิงรางวัลPalm D’or รางวัลสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ อีกด้วย
2. Happy Together
Happy Together ทีมาพร้อมกับชื่อภาษาไทยสุดโรแมนติก ว่า “โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา” ถือว่าเป็นภาพยนต์ LGBTQ เรื่องแรกของ ยุค 90’s เลยก็ว่าได้ เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายสองคนที่ทั้งเหงาและโดดเดี่ยวจากสังคมด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ไหลเยี่ยฟาง (เหลียง เฉา เหว่ย ) เป็นอดีตนักสืบที่ถูกรัฐบาลลบโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาใช้เวลาทั้งวันดูทีวีและดื่มคนเดียวในอพาร์ตเมนต์ของเขาจนกระทั่งเขาได้พบกับโห เป่า หวงั (เลสลี่ จาง ) ป๊อปสตาร์ชื่อดังที่มีอดีตที่มีปัญหาพอๆ กัน ในตอนเริ่มเรื่อง ทั้งคู่ได้ตัดสินใจ เดินทางไป ประเทศ อาเจนตินาเพื่อดูน้ำตก อีกวาซูด้วยกัน แต่กลายเป็นว่า ระหว่างการเดินทาง เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วย ความรัก ความเกลียดชัง ความเสียใจ แต่ก็ยังอบอุ่นใจ เมื่อได้อยู่ด้วย แต่ถึงจุดนึงพวกเขาก็ตัดสินใจ เลิกรากันไป จนกระทั่ง พวกเขาได้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งหลายครั้ง ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรออก แต่ลึกๆ แล้ว ในใจของพวกเขาก็รู้ว่า มีแต่พวกเขาเท่านั้น ที่เข้าใจความสัมพันธ์ในแบบที่พวกเขามี เรื่องนี้ ได้เข้าชิง รางวัล Palm D’or และ ที่สำคัญ ยังทำให้เขาได้รับรางวัล ผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังเมืองคานส์อีกด้วย
3. Chungking Express
หากพูดถึง ภาพยนต์ของ หว่อง กา ไว จะขาดเรื่อง Chungking Express ไปไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการแจ้งเกิดของผู้กำกับชาวฮ่องกงฝีมือจัดจ้านคนนี้เลยทีเดียว โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ เป้นการเล่าถึง การยึดติด อยู่กับความรักที่ไม่สมหวัง ของ นายตำรวจ 2 คน หนังเปิดมาด้วย นายตำรวจหมายเลข 223 ( รับบทโดย ทาเคชิ คาเนจิโร ) ผู้ถูกแฟนสาว ชื่อ อาเมย์บอกเลิก ในวันเกิด วันที่ 1 เมษายน 1994 จนตั้งเงื่อนไขแปลกประหลาดเกี่ยวกับความรัก 2 อย่างด้วยกัน คือ หากแฟนสาวของเขาไม่กลับมา ภายใน 1 เดือน เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อ อาเมย์ อีกต่อไป และ มันยังแปลว่า ความสัมพันธ์ุนี้ จบลงจริงๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนที่มีความคิดว่า ทุกอย่าง มีวันหมดอายุ ความรักเองก็เช่นกัน ทุกวันเขาจึง ออกไปซื้อ สับปะรดกระป๋อง ที่จะหมดอายุวันที่ 1 พฤษภาคม 1994 มาทานเพื่อรอจนกว่าเธอจะกลับมา และ วลีที่โด่งดัง จากเรื่องนี้ ที่ ทาเคชิ พูด และ ยังตราตรึง อยู่ในใจใครหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นประโยคสุดเหงา อย่าง “ ถ้าความทรงจำของผมและเธอมีวันหมดอายุ ผมหวังว่ามันจะยาวนานถึงหมื่นปี”
อีก 1 นายตำรวจที่เหงาไม่แพ้กัน คือ นายตำรวจ หมายเลข 663 ( รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย ) ที่ผิดหวัง จากความรักเช่นกัน แต่เขาเชื่อว่า เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง เขาจึงใช้ชีวิตแบบเดิมทุกวัน วนเวียนซ้ำๆ ไม่ได้แสดงออกว่าตัวเองเศร้า แต่กลับปลอบใจสิ่งของในห้องเพราะเขาคิดว่า สิ่งของเหล่านี้ก็เศร้า กับการจากไปของเธอเหมือนกัน เช่น ปลอบสบู่ที่เศร้าจนก้อนเล็กลง หรือ การบอกให้ ฝักบัวหยุดร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว มันเหมือนว่า เขากำลังปลอบตัวเองมากกว่า จนกระทั่งมี หญิงสาวคนหนึ่งชื่อ อาเฟย ( รับบทโดย เฟย์ หว่อง ) เข้ามาทำความรู้จัก และ แอบดูแลเขา โดยไม่ได้พูดความรู้สึกออกมา หนังไม่ได้ บอกว่า สุดท้ายแล้ว 223 เจอสับปะรดกระป๋องที่หมดอายุ วันที 1 พฤษภาคม 1994 ไหม หรือ 663 มีความสัมพันธ์ุ อย่างไร กับ อาเฟย แต่นั่นคือ ความสนุก ที่เก็บไว้ให้ เราได้ลองจินตนาการเอาเอง